หน้าฝนแบบนี้ ขายของออนไลน์อย่างไรดีให้ปัง

เมื่อเข้าสู่หน้าฝน หลายสิ่งอาจเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน การเรียน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะฝนดูจะเข้ามาเป็นอุปสรรคในทุกสิ่ง ซึ่งสำหรับใครที่ขายของออนไลน์แล้วรู้สึกว่าขายไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ขอชวนมารู้จักกับเคล็ดลับขายของออนไลน์ให้ปังในช่วงหน้าฝน!

ธุรกิจ

เคล็ดลับในการขายของออนไลน์ช่วงหน้าฝน

 

  1. ใส่ใจกับแพ็กเกจ

แพ็กเกจแบบกล่องกระดาษนั้นแน่นอนว่าอาจทำให้เปียกน้ำได้ง่าย โดยเฉพาะร้านไหนที่ใช้กล่องลวดลายน่ารัก หรือกล่องที่ลูกค้าสามารถนำไปใช้เก็บของต่อได้ แนะนำว่าในช่วงฤดูฝนนี้ เราควรจะห่อด้วยซองไปรษณีย์พลาสติกอีกหนึ่งชั้น แม้จะเป็นการเพิ่มต้นทุนเพียงเล็กน้อย แต่ช่วยสร้างความประทับใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

  1. จัดโปรโมชัน

บางครั้งลูกค้าอาจรู้สึกไม่อยากจะช้อปออนไลน์ในช่วงหน้าฝน โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เพราะไม่รู้ว่าจะใส่ไปไหนดี แนะนำว่าช่วงเวลาแบบนี้ร้านควรจัดโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น ส่งฟรี หรือแจกคูปองส่วนลด เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าอยากจะช้อปทุกฤดู

 

  1. ออกสินค้าที่เหมาะสำหรับหน้าฝน

บางครั้งลูกค้าเองก็มองหาสินค้าที่เกี่ยวกับหน้าฝนด้วยเหมือนกัน ดังนั้นร้านค้าอาจใช้โอกาสนี้ในการออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับหน้าฝน เช่น เสื้อกันฝน ร่ม หรือหมวก ที่จะช่วยเสริมการแต่งตัวให้สนุกสนานและสะดวกสบายยิ่งขึ้น รับรองว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

  1. แชร์สาระน่ารู้เกี่ยวกับหน้าฝน

วิธีที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าได้นั้นไม่ใช่แค่การขายสินค้าอย่างเดียว แต่การแชร์สาระน่ารู้ที่มีประโยชน์ก็ช่วยได้เช่นกัน เช่น วิธีดูแลสุขภาพในหน้าฝน หรือ เคล็ดลับแต่งหน้ากันน้ำ รับรองว่าจะมีโอกาสเพิ่มผู้ที่จะกลายมาเป็นลูกค้าได้เป็นอย่างมาก

แนะนำ 3 เทคนิคปั้นร้านค้าออนไลน์ให้ปังได้ดั่งใจ

แนะนำ 3 เทคนิคปั้นร้านค้าออนไลน์ให้ปังได้ดั่งใจ

ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีอาชีพพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์เกิดขึ้นมากมาย ด้วยจากสถานการณ์ไวรัสระบาด ทำให้หลายคนหลีกเลี่ยงที่จะออกจากบ้าน แต่ในเมื่อสถานการณ์ภาพรวมที่ดีขึ้นแล้ว หลายคนกลับติดใจกับการช้อปปิ้งผ่านออนไลน์ ที่มีความสะดวก มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย สามารถชำระเงินได้อย่างรวดเร็ว จ่ายปุ๊บรอรับของที่บ้านได้เลย ทำให้เกิดร้านค้าออนไลน์มากมาย แต่การเป็นร้านหนึ่งในใจผู้ซื้อได้นั้น ต้องอาศัย 3 เทคนิคดี ๆ ที่ช่วยปั้นร้านค้าให้ปังได้ดั่งใจ ตามมาดูกันเลย

online-shop-market

บอกข้อมูลร้านค้าสร้างความเชื่อมั่น

ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเปิดร้านค้าออนไลน์ ที่เป็นรูปแบบร้านค้าที่ลูกค้าไม่สามารถเห็นหน้าร้านได้ชัดเจน ดังนั้นแม่ค้าออนไลน์ทุกคนควรจะอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าให้ครบถ้วนและชัดเจน เช่น ช่องทางที่สามารถติดต่อได้ เบอร์โทรศัพท์ของร้าน ช่องทางการขายต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถแสดงตัวตนของร้านให้ลูกค้าเห็นและเกิดความเชื่อมั่นได้

อัปเดตความเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ

คอนเทนต์เป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้ร้านค้ามีความโดดเด่นเหนือร้านอื่น ๆ ได้ ดังนั้นควรหมั่นอัปเดตคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใหม่ โปรโมชัน หรือคอนเทนต์เรื่องทั่วไปที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าก็ได้ เช่น How To, Trick, Tip หรือเทคนิคง่าย ๆ เป็นการสร้างสัมพันธ์และสร้างตัวตนให้ลูกค้าเห็นได้ง่าย

สร้างโปรโมชั่นเรียกลูกค้า

สิ่งสุดท้าย เป็นเทคนิคที่เรียกลูกค้าเข้าร้านได้เป็นอย่างดี คือการมีโปรโมชันมาชักจูงใจลูกค้าให้สม่ำเสมอ และต้องไม่พลาดทุกช่วงเทศกาลสำคัญ โดยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นการลดราคาเท่านั้น สามารถทำเป็นโปรซื้อคู่ถูกค้า จับคู่สินค้าเด็ด ซื้อชิ้นนี้มีของแถม หรือโปรโมชันส่งฟรีและลดค่าส่งก็ย่อมได้เช่นกัน

รวมท่าออกกำลังกาย เผาผลาญใน 3 นาที สำหรับคนมีเวลาน้อย

รวมท่าออกกำลังกาย เผาผลาญใน 3 นาที สำหรับคนมีเวลาน้อย

สำหรับใครที่อยากออกกำลังกาย แต่ก็ไม่มีเวลา วันนี้เรามาแชร์การออกกำลังกายแบบ High Intensity Workout ซึ่งก็คือการออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา เพื่อให้ร่างกายของเราสามารถเผาผลาญไขมันได้เยอะ ในเวลาอันสั้น ใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที จะมีท่าไหนกันบ้าง ลองไปดูกัน

A person lifting weights

Warm-Up

  1. เริ่ม Warm-Up ร่างกายด้วยท่าวิ่ง Jogging โดยให้วิ่งต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ อาจจะสะบัดแขน สะบัดข้อมือไปด้วยก็ได้ พอครบ 30 วินาทีแล้วจึงค่อยเปลี่ยนท่า 
  2. ต่อไปคือการ  Warm-Up ในส่วนขา ไหล่ และหลัง โดยการย่อตัวลงใช้มือซ้ายแตะที่ปลายเท้าขวา และใช้มือขวาแต่ที่ปลายเท้าซ้าย สลับกันไปมา ตอนที่ย่อตัวลงอย่าลืมดันสะโพกไปด้านหลัง และเปิดหัวไหล่ออก ทำต่อเนื่องไป 30 วินาที
  3. ท่าต่อไปคือ ท่า Jump & Jam เป็นการกระโดดและกางขาออก พร้อมยกมือขึ้นเหนือหัว 
  4. ท่าต่อไปคือ การวิ่ง Slide ข้าง โดยเวลาวิ่งให้ยกเข่าขึ้นในระดับตั้งฉากกับพื้น  

หลังจาก Warm-Up เสร็จแล้วจะเข้าสู่ท่าออกกำลังกาย โดยจะแบ่งเป็นท่าเบา 3 นาที
1. ท่าแรก Forward Squat Jumps คือการทำ Squat 2 ครั้ง สลับกับการกระโดดไปข้างหน้า 1 ครั้ง ทำซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซต ทำทั้งหมด 3 เซต

2. ท่าต่อมา คือ Touch The Floor Sprint เป็นการวิ่งกลับไป-มา พร้อมกับเอามือแตะที่พื้น ทำซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซต ทำทั้งหมด 3 เซต

และท่าที่ 3. ให้ลงไปทำ High Plank และกระโดดให้หัวเข่าเข้ามาอยู่ชิดข้อศอก เรียกว่าท่า Frog Jumps ซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซต ทำทั้งหมด 3 เซต โดยระหว่างเปลี่ยนท่าให้ทำ Jogging Place หรือการวิ่งอยู่กับที่ อย่างน้อย 30 วินาที 

แค่ 3 ท่าออกกำลังกายง่าย ๆ เหล่านี้ ก็ช่วยให้เราสามารถเผาผลาญไขมันไปได้ แต่การออกกำลังกาย จะมีประสิทธิภาพ และได้ผลดียิ่งขึ้น หากทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน

พารู้จักเทรนด์ Digital Nomad ตอบโจทย์การทำงานของคนชอบเที่ยว

พารู้จักเทรนด์ Digital Nomad ตอบโจทย์การทำงานของคนชอบเที่ยว

จะเห็นได้ว่าตั้งแต่สถานการณ์ไวรัสระบาด Covid-19 ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่เปลี่ยนไป รวมถึงรูปแบบการทำงานทั่วโลกด้วยเช่นกัน หลายบริษัททั้งใหญ่และเล็ก ได้มีการปรับรูปแบบให้ Work From Home คือการทำงานจากที่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาด แต่ล่าสุดในหลายพื้นได้มีการปลดล็อกสถานการณ์ให้เดินทางได้แล้ว แต่ยังคงมีบางส่วนที่ติดใจกับการทำงานที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ แต่สามารถเข้างานจากสถานที่อื่นได้ ซึ่งรูปแบบนี้เรียกว่า เทรนด์การทำงานแบบ Digital Nomad วันนี้จะพาไปทำความรู้จัก เทรนด์ Digital Nomad ตอบโจทย์การทำงานของคนชอบเที่ยวให้มากขึ้น ตามมาดูเลย

A picture containing person, outdoor

การทำงานแบบ Digital Nomad

สำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวพร้อมยังคงเป็นพนักงานประจำในบริษัทไปด้วยแล้วหละก็ การทำงานแบบ Digital Nomad อาจจะเป็นสิ่งที่คุณกำลังตามหาอยู่ก็ได้ การทำงานแบบนี้นั้นมีความรับผิดชอบไม่ต่างจากการทำงานในออฟฟิศ เพียงเพียงกลุ่ม Nomadic นั้นมีความต้องการหาสถานที่ต่าง ๆ ที่พร้อมสำหรับการทำงานได้ โดยไม่ใช่ในออฟฟิศ เป็นรูปแบบการทำงานไร้กรอบแต่ยังคงความรับผิดชอบและมีประสิทธิภาพในการทำงานดังเดิม

ในปัจจุบันการทำงานแบบ Nomadic กำลังเป็นที่นิยมในสายอาชีพ อย่าง การตลาดดิจิทัล การเขียนคอนเทนต์ การออกแบบกราฟิก การสอนทางออนไลน์/ติวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งคุณสมบัติที่ดีหลักในการเป็น Nomadic นั้นไม่ยากเพียงแค่ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าชอบทำงานแบบไหน มีความถนัดกับอะไรและในรูปแบบงานนั้น ๆ สามารถทำจากที่อื่นได้หรือไม่ หากได้คำตอบแล้วว่าใช่ ที่เหลือก็แค่ความตั้งใจในการทำงาน เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำงานแบบ Digital Nomad ได้แล้ว

แนะนำ เครื่องมือทำงานสำหรับคน WFH ช่วยทำงานคล่องแบบมีประสิทธิภาพ

แนะนำ เครื่องมือทำงานสำหรับคน WFH ช่วยทำงานคล่องแบบมีประสิทธิภาพ

สถานการณ์ที่ไวรัสโควิด 19 เข้ามาระบาดทั่วโลก นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจต้องหยุดชะงักแล้ว การทำงานด้านอื่น ๆ ทั่วโลกก็มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน ตั้งรับสถานการณ์ความเสี่ยง ซึ่งการทำงานแบบ Work From Home เป็นนโยบายหลักที่หลายบริษัทนำไปปรับใช้ ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือแค่บางส่วนแล้วแต่สถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ 

เชื่อว่าหลายบริษัทต้องมีความกังวลถึงประสิทธิภาพการทำงานที่อาจจะลดลงด้วยการเจอหน้า การประชุมและการพูดคุยที่น้อยลง ดังนั้น วันนี้จะมาแนะนำ เครื่องมือทำงานสำหรับคน WFH ที่จะช่วยให้การทำงานมีความสะดวก ทำงานได้คล่องแบบมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้

Two people sitting in a field with a computer
Google Drive

การทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือการได้แชร์ไอเดีย ความคิดและเนื้อให้กับอีกคนได้ แต่ด้วยการทำงานที่บ้าน การส่งต่อข้อมูลทีละงานจะใช้เวลาในการสื่อสารเยอะ ดังนั้นการใช้ Google Drive ที่สถานที่สำหรับการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ในออนไลน์ ทุกคนสามารถเข้ามาดูเนื้อหาและแก้ไขงานได้จากทุกเมื่อ จากทุกที่ ทุกเวลาแค่มีอินเทอร์เน็ต

 

Microsoft Team

สำหรับการทำงานต่างสถานที่กันสิ่งที่ยากที่สุดคือเรื่องการสื่อสาร แต่ถ้าใช้ Microsoft Team ที่มีฟีเจอร์หลักคือแชต ที่สามารถพูดคุยกับคนอื่น ๆ ในรูปแบบเดี่ยวหรือกลุ่มได้ในทันที นอกจากนี้ยังสามารถนัดหมายการประชุมล่วงหน้าแบบกำหนดผู้เข้าร่วมการประชุมได้อีกด้วย

 

Team Viewer

เชื่อว่าหลายคนต้องกังวลกับปัญหาเรื่องไอทีที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่ออยู่บ้าน โดยที่ไม่มีฝ่ายไอทีให้มาแก้ไขได้ในทันที แต่ถ้ามี Team Viewer ที่เป็นโปรแกรมที่สามารถแชร์หน้าจอกัน เพื่อเข้าไปแก้ไขในคอมพิวเตอร์ได้โดยที่ไม่ต้องเดินทาง ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกเครื่องควรมีติดไว้