หมวดหมู่: Lifestyle

รวมท่าออกกำลังกาย เผาผลาญใน 3 นาที สำหรับคนมีเวลาน้อย

รวมท่าออกกำลังกาย เผาผลาญใน 3 นาที สำหรับคนมีเวลาน้อย

สำหรับใครที่อยากออกกำลังกาย แต่ก็ไม่มีเวลา วันนี้เรามาแชร์การออกกำลังกายแบบ High Intensity Workout ซึ่งก็คือการออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา เพื่อให้ร่างกายของเราสามารถเผาผลาญไขมันได้เยอะ ในเวลาอันสั้น ใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที จะมีท่าไหนกันบ้าง ลองไปดูกัน

A person lifting weights

Warm-Up

  1. เริ่ม Warm-Up ร่างกายด้วยท่าวิ่ง Jogging โดยให้วิ่งต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ อาจจะสะบัดแขน สะบัดข้อมือไปด้วยก็ได้ พอครบ 30 วินาทีแล้วจึงค่อยเปลี่ยนท่า 
  2. ต่อไปคือการ  Warm-Up ในส่วนขา ไหล่ และหลัง โดยการย่อตัวลงใช้มือซ้ายแตะที่ปลายเท้าขวา และใช้มือขวาแต่ที่ปลายเท้าซ้าย สลับกันไปมา ตอนที่ย่อตัวลงอย่าลืมดันสะโพกไปด้านหลัง และเปิดหัวไหล่ออก ทำต่อเนื่องไป 30 วินาที
  3. ท่าต่อไปคือ ท่า Jump & Jam เป็นการกระโดดและกางขาออก พร้อมยกมือขึ้นเหนือหัว 
  4. ท่าต่อไปคือ การวิ่ง Slide ข้าง โดยเวลาวิ่งให้ยกเข่าขึ้นในระดับตั้งฉากกับพื้น  

หลังจาก Warm-Up เสร็จแล้วจะเข้าสู่ท่าออกกำลังกาย โดยจะแบ่งเป็นท่าเบา 3 นาที
1. ท่าแรก Forward Squat Jumps คือการทำ Squat 2 ครั้ง สลับกับการกระโดดไปข้างหน้า 1 ครั้ง ทำซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซต ทำทั้งหมด 3 เซต

2. ท่าต่อมา คือ Touch The Floor Sprint เป็นการวิ่งกลับไป-มา พร้อมกับเอามือแตะที่พื้น ทำซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซต ทำทั้งหมด 3 เซต

และท่าที่ 3. ให้ลงไปทำ High Plank และกระโดดให้หัวเข่าเข้ามาอยู่ชิดข้อศอก เรียกว่าท่า Frog Jumps ซ้ำ 10-15 ครั้งต่อเซต ทำทั้งหมด 3 เซต โดยระหว่างเปลี่ยนท่าให้ทำ Jogging Place หรือการวิ่งอยู่กับที่ อย่างน้อย 30 วินาที 

แค่ 3 ท่าออกกำลังกายง่าย ๆ เหล่านี้ ก็ช่วยให้เราสามารถเผาผลาญไขมันไปได้ แต่การออกกำลังกาย จะมีประสิทธิภาพ และได้ผลดียิ่งขึ้น หากทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน

3 ไอเดียเริ่มต้นทำ Video Marketing ในยุค 2022

3 ไอเดียเริ่มต้นทำ Video Marketing ในยุค 2022

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำธุรกิจโดยใช้วิดีโอคอนเทนต์ เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดนั้น เป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน นอกจากจะสร้าง Engagement ได้ดีแล้ว ยังเป็นที่สนับสนุนของ Social Media Platforms ต่าง ๆ อีกด้วย อย่างที่จะเห็นได้ว่ามีการนำฟีเจอร์วิดีโอขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในหลากหลายแพลตฟอร์มในปัจจุบัน รวมถึง Facebook เองที่ก็ไม่น้อยหน้า เชื่อมโยง Reels เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่ชื่นชอบการเสพวิดีโอคอนเทนต์กันมากขึ้น

วันนี้เราจึงมาพร้อมกับ 3 ไอเดียสำหรับเริ่มต้นทำ Video Marketing ในปี 2022 จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

A person holding a camera

  1. วิดีโอนำเสนอสินค้า

เจ้าของธุรกิจหลายคนอาจสังเกตได้ว่าการโพสต์รูปภาพสินค้านั้นไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรอีกต่อไป ในทางกลับกัน คอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอจะช่วยดึงดูดความสนใจได้มากกว่า ดังนั้นใครที่อยากนำเสนอสินค้า ให้ลองทำเป็นรูปแบบวิดีโอแทนการถ่ายภาพนิ่งอาจช่วยเพิ่มความสนใจได้มากขึ้น เพราะลูกค้าได้เห็นสินค้าจริงในหลากหลายมุม แถมยังสามารถสาธิตวิธีการใช้ได้อีกด้วย 

 

  1. วิดีโอเล่าเรื่องราวของแบรนด์

การที่จะทำให้ลูกค้าหรือผู้คนจำนวนมากสนใจธุรกิจได้นั่นก็จะต้องเริ่มจากการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง สื่อสารได้ชัดเจน มีเอกลักษณ์ ซึ่งการทำวิดีโอนั้นอาจจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจธุรกิจของคุณได้มากที่สุด

 

  1. วิดีโอรีวิวจากผู้ใช้งาน

สิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเป็นอย่างมากในปัจจุบันก็คือรีวิวจากผู้ใช้จริง ซึ่งถึงแม้จะมีรีวิวรูปภาพหรือคำวิจารณ์จากลูกค้าแล้ว การทำวิดีโอรีวิวยังเป็นการแสดงถึงความจริงใจและเพิ่มความน่าสนใจได้มากขึ้นอีกด้วย

ทำความรู้จักก่อนเล่นหุ้น bottom-up และ top-down ต่างกันอย่างไร

ถ้าหากใครที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นและอยู่ในช่วงที่กำลังศึกษารายละเอียดของหุ้นแต่ละแบบกันอยู่ ก็ต้องบอกว่าถือเป็นสิ่งที่ดีในการวิเคราะห์และคัดหุ้นที่เหมาะกับเราจริงๆ โดยไม่ลงทุนหรือซื้อตามคนอื่นเขา ซึ่งการเลือกหุ้นนั้นก็จำเป็นที่จะต้องเลือกเทคนิควิเคราะห์หุ้นให้ดี โดยเฉพาะเทคนิค Bottom-Up และ Top-Down ที่นักลงทุนสายปัจจัยพื้นฐานจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกัน คำถามต่อมาก็คือ Bottom-Up และ Top-Down แตกต่างกันอย่างไร

 

เพื่อสร้างความเข้าใจให้ดีว่า Bottom-Up และ Top-Down แตกต่างกันอย่างไรนั้นก็ต้องมาทำความรู้จักก่อนว่าแต่ละแบบนั้นมีวิธีการวิเครราะห์อย่างไรบ้าง

เล่นหุ้น

  • การวิเคราะห์แบบ Bottom-Up

สำหรับการวิเคราะห์ในรูปแบบนี้จะเป็นการวิเคราะห์จากล่างขึ้นบน เป็นพิจารณาจากภาพย่อยก่อนขึ้นไปหาภาพใหญ่ เช่น เราสนใจในหุ้น A ข้อมูลหุ้นดี มีความมั่นคงและเติบโต แต่มีราคาปรับตัวลงเร็วมาก ทำให้เราจำเป็นจะต้องวิเคราะห์ถึงงบประมาณทางการเงิน คู่แข่ง ประเภทอุตสาหกรรม เทรนด์ รวมไปถึงเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ เป็นต้น

 

  • การวิเคราะห์แบบ Top-Down

เพื่อแสดงให้เห็นว่า Bottom-Up และ Top-Down แตกต่างกันอย่างไรนั้น ต้องบอกว่าการวิเคราะห์แบบ Top-Down นั้น จะเป็นการวิเคราะห์จากภาพใหญ่ก่อนค่อยมามองที่ภาพเล็ก โดยจะเป็นการวิเคราะห์โดยพิจารณาจากระบบเศรษฐกิจในปัจจุบันให้ดีเสียก่อนว่าเป็นอย่างไร มีแนวโน้มที่จะเติบโตหรือไม่ หลังจากนั้นให้พิจารณาปัจจัยเชิงคุณภาพของหุ้นในอุตสาหกรรมที่เลือก หลังจากนั้นให้นำหุ้นมาเปรียบเทียบว่ามีความได้เปรียบเชิงคุณภาพเท่าไหร่ หลังจากนั้นจึงวิเคราะห์หุ้นรายตัว เพื่อประเมินมูลค่าหุ้น หลังจากที่ได้หุ้นตัวที่พอใจในราคาที่เหมาะสม ก็ค่อยซื้อหุ้นได้

 

ไขทุกข้อสงสัย! ฟิลเลอร์ใต้ตาควรใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

เมื่อเวลาผ่านไป ปัญหาใต้ตาหย่อนคล้อยเป็นร่องริ้วรอยถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้หนุ่มสาวหลายคนหนักใจและพยายามหาวิธีแก้ไขต่าง ๆ นานา โดยการฉีดฟิลเลอร์นั้นนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการแก้ปัญหาที่หลายคนเลือกใช้ เนื่องจากสามารถเห็นผลได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น แถมรอบดวงตายังดูอ่อนเยาว์อยู่กับเราได้นานหลายเดือนเลยทีเดียว ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นก็นำมาซึ่งคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยว่า การฉีดฟิลเลอร์บริเวณนี้เราควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีกว่ากัน ถ้าหากตอนนี้คุณกำลังสงสัยอยู่ล่ะก็ มาไขความลับเรื่องนี้ไปพร้อมกันได้เลย!

ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูงและทำให้ผู้เข้ารับการรักษารวมถึงแพทย์เองเกิดความสงสัยว่า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้นควรเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี โดยทั่วไปแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากมายลงความเห็นว่า ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ดีควรจะเป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มที่จะไม่ฟูจนปิดดวงตาหรือทำให้ตาโปนมากกว่าเดิม ซึ่งฟิลเลอร์ประเภทนี้จะช่วยทำให้รอบดวงตาเรียบเนียนเสมอกันและดูเป็นธรรมชาติมากกว่านั่นเอง ในตลาดฟิลเลอร์เมืองไทยปัจจุบันนี้ ฟิลเลอร์ที่นิยมนำมาฉีดใต้ตามีด้วยกัน 2 ยี่ห้อดังนี้

  • Juvederm

หากใครไม่รู้ว่าฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาล่ะก็ Juvederm ถือเป็นฟิลเลอร์ที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก โดย Juvederm เป็นฟิลเลอร์แบรนด์ดังจากประเทศอเมริกาที่ผลิตมานานกว่า 40 ปีแล้ว โดยเนื้อของ Juvederm จะมีลักษณะเด่นตรงที่ความยืดหยุ่น ทนทาน เนื้อนิ่มฟูกำลังพอดี ซึ่งคุณสมบัติทั้ง 3 ข้อนี้สามารถนำมาปรับใช้กับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังจะช่วยทำให้การฉีดฟิลเลอร์นั้นดูเป็นธรรมชาติมากกว่าอีกด้วย

  • Restylane

Restylane เป็นยี่ห้อฟิลเลอร์ไฮยารูลอนิกแอซิดที่ร่างกายสามารถสลายได้ ซึ่งฟิลเลอร์ตัวนี้ถือเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการการแพทย์ อีกทั้งยังผ่านการรับรองความปลอดภัยและมาตรฐานจาก FDA ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ลักษณะเด่นของฟิลเลอร์ตัวนี้ คือ ความสามารถในการคงตัวและคงรูปที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะอย่าง “NASHA” ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความคงตัวให้ผิวหลังฉีด และ “OBT” ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับรูปทรงหลังฉีด หากอยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ไม่แน่ใจว่าฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีล่ะก็ รับรอง Restylane ไม่ฟูจนทำให้ตาบวมและโปนแน่นอน

 

เป็นอย่างไรกับบ้างกับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เรานำมาฝากในวันนี้ หวังว่าความรู้ในวันนี้จะช่วยให้คุณรู้เท่าทันและตัดสินใจเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับใต้ดวงตาไม่มากก็น้อย แต่เหนือสิ่งอื่นใด การฉีดฟิลเลอร์ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าจะฉีดบริเวณใดก็อย่าลืมหาเวลาแวะเข้าไปปรึกษาคุณหมอก่อนตัดสินใจฉีดด้วยนะ

ชุดกันฝนมอเตอร์ไซค์เลือกอย่างไร ให้ตัวไม่เปียก 100%?

ไม่ว่าฝนจะตกหนักขนาดไหนตัวก็ไม่เปียกอย่างแน่นอน! หากเลือกชุดกันฝนมอเตอร์ไซค์ไอเท็มสำคัญที่ชาวไบค์เกอร์ต้องพกติดตัวไว้ เพราะสภาพอากาศเมืองไทยในช่วงนี้ไม่แน่นอน จู่ๆ เดี๋ยวแดดออกเดี๋ยวก็ฝนตก หากไม่พกไว้มีหวังตัวเปียกเละเทะอย่างแน่นอน โดยในวันนี้เรามีวิธีเลือกเสื้อกันฝนมอเตอร์ไซค์มาฝากเพื่อนๆ กัน มาดูกันเลยว่ามีกี่แบบบ้าง แล้วแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไร

ชุดกันฝน มอเตอร์ไซค์

ชุดกันฝนมอเตอร์ไซค์แบบบาง เป็นชุดกันฝนที่สามารถหาซื้อได้ง่ายทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ โดยมีราคาค่อนข้างถูกประมาณหลักสิบไปจนถึงหลักร้อยนิดๆ อย่างไรก็ตาม ชุดกันฝนประเภทนี้ค่อนข้างขาดได้ง่ายเนื่องจากทำจากพลาสติกชนิดบาง จึงไม่เหมาะกับการใช้งานทุกวันหรือการเดินทางระยะไกล

ชุดกันฝนมอเตอร์ไซค์แบบหนา ทำจากพลาสติกที่มีเนื้อค่อนข้างแข็งและหนา มีความทนทานและสามารถใช้งานได้หลายครั้ง เหมาะสำหรับการพกติดรถไว้เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีราคาประมาณ 100-300 บาท

ชุดกันฝนมอเตอร์ไซค์สำหรับไบค์เกอร์โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องขี่มอเตอร์ไซค์ระยะทางไกล โดยมีทั้งแบบชุดสวมทั้งตัวและแบบแยกชิ้นเป็นเสื้อกับกางเกง ซึ่งเสื้อกันฝนประเภทนี้ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี สามารถกันฝนได้ดีเยี่ยม สวมใส่สบาย มีซับใน ที่สำคัญคือมีความทนทาน สามารถใช้ได้หลายครั้ง โดยมีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน

การมีชุดกันฝนมอเตอร์ไซค์ติดรถเอาไว้นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก หากคุณไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์เป็นระยะทางไกลการเลือกชุดกันฝนแบบบางหรือแบบหนาก็อาจเพียงพอแล้ว แต่หากต้องเดินทางไกลและมีสิทธิเปียกฝนบ่อยๆ การเลือกชุดกันฝนสำหรับไบค์เกอร์ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า